สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านทุกท่าน เผลอแป๊ปเดียวก็ย่างเข้าเดือนที่ 6 แล้วนะค่ะ อะไรที่คิดอยากจะทำก็รีบทำเสีย เดี๋ยวจะสิ้นปีเสียก่อน ส่วนฉบับนี้ผู้เขียนก็ต้องรีบทำหน้าที่ค่ะ คือการให้ข้อมูลข่าวสารด้านสมุนไพร ซึ่งในฉบับนี้ผู้เขียนจะขอให้ข้อมูลเรื่องเพชรสังฆาต เพราะมีผู้ให้ความสนใจถามกันเข้ามาเยอะมาก
ถ้าพูดถึงเพชรสังฆาตท่านผู้อ่านหลายท่านคงจะทราบดีว่าเจ้าสมุนไพรตัวนี้มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในโรคริดสีดวงทวาร ปัจจุบันหลายโรงพยาบาลได้นำเพชรสังฆาตมาใช้ในผู้ป่วยโรคริดสีดวงทวารทดแทนการใช้ยาแผนปัจจุบัน อย่างที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่ผู้เขียนทำงานอยู่ก็ไม่มีการใช้ยาแผนปัจจุบันในโรคนี้ มีแต่เพชรสังฆาตเท่านั้น ตอนที่ผู้เขียนมาทำงานครั้งแรกก็ยอมรับว่าไม่มั่นใจในประสิทธิภาพของเพชรสังฆาตเหมือนกัน แต่พอได้ซักถามจากผู้ป่วยประกอบกับผลการวิจัยทางคลีนิกของเพชรสังฆาตในผู้ป่วยริดสีดวงทวารก็เพิ่มความมั่นใจมากขึ้น จนกระทั่งแนะนำให้บิดาของผู้เขียนเองซึ่งเป็นริดสีดวงทวารมานานหลายปีได้ใช้ ซึ่งก็ได้ผล ตอนนี้ผู้เขียนก็เลยแนะนำให้ผู้ป่วยริดสีดวงทวารหันมาใช้เพชรสังฆาตทดแทนการใช้ยาแผนปัจจุบัน
ก่อนที่เราจะรู้จักเพชรสังฆาตกันให้มากกว่านี้ ผู้เขียนขออภิบายเรื่องโรคริดสีดวงทวารให้ท่านทราบเสียก่อน โรคริดสีดวงทวารเป็นภาวะที่มีการอักเสบของเส้นเลือดดำที่ไส้ตรง จนทำให้เส้นเลือดบริเวณนี้โป่งหรือพองออกมา ซึ่งถ้าเป็นมากๆ จะเห็นเหมือนเป็นติ่งเนื้อโผล่ออกมาทางทวารหนัก ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บๆคันๆ ในระยะแรกและจะเพิ่มอาการเจ็บปวดมากขึ้น การโป่งของเส้นเลือดนี้จะทำให้เกิดการเสียดสีกับอุจจาระ ในที่สุดก็จะเกิดเป็นแผลและมีเลือดออกขณะเบ่งหรือถ่ายอุจจาระ
โรคริดสีดวงทวารนี้แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ริดสีดวงทวารภายใน และ ริดสีดวงทวารภายนอก
-ริดสีดวงทวารภายใน (Internal Hemorrhoids) เกิดจากเส้นเลือดที่ใต้เยื่อบุผิวโป่งพองออก ริดสีดวงชนิดนี้จะไม่เจ็บปวดมาก เพราะที่ใต้เยื่อเมือกไม่มีเส้นประสาทรับความรู้สึกปวด
-ริดสีดวงทวารภายนอก (External Hemorrhoids) เป็นริดสีดวงทวารอีกชนิดหนึ่งที่คนเป็นกันมาก ซึ่งจะมีการโป่งพองของเส้นเลือดที่ผิวหนังบริเวณรอบทวารหนัก ซึ่งริดสีดวงทวารอย่างหลังนี้ผู้ที่เป็นจะเจ็บมากเวลาที่มีการอักเสบ เพราะตรงบริเวณรอบทวารหนักจะมีเส้นประสาทรับความรู้สึกอยู่เต็มไปหมด
ส่วนระดับความรุนแรงและอาการของริดสีดวงทวารก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ คือ
-ขั้นแรก จะไม่มีก้อนหรือติ่งเนื้อโผล่ออกมาทางทวารหนัก แต่เวลาเบ่งอุจจาระแรงๆ หรือเวลาที่มีอาการท้องผูกจะมีเลือดไหลออกมาได้
-ขั้นที่สอง จะเริ่มมีก้อนริดสีดวงโผล่ออกมา แต่จะโผล่ออกมาเฉพาะเวลาที่มีการอักเสบหรือท้องผูกเท่านั้น ซึ่งก้อนเนื้อนี้จะสามารถดันกลับได้
ส่วนสาเหตุของริดสีดวงทวารนั้นก็เกิดมาจากท้องผูก การตั้งครรภ์ ซึ่งในกรณีของการตั้งครรภ์นี้โรคริดสีดวงทวาร จะหายได้เองเมื่อคลอดบุตรแล้ว ส่วนสาเหตุอื่นๆ ก็เช่น พันธุกรรมและความชรา แต่สาเหตุหลักๆ ก็เกิดจากพฤติกรรมที่ผิด โดยเฉพาะการถ่ายอุจจาระ บางคนปล่อยให้ท้องผูกเรื้อรัง ไม่ชอบรับประทานผัก ผลไม้หรืออาหารที่มีเส้นใย ดื่มน้ำน้อย หรือชอบเบ่งแรงๆ เวลาถ่ายอุจจาระ เหล่านี้ก็ล้วนเป็นสาเหตุของการเกิดริดสีดวงทวาร แต่โชคร้ายโรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาด เว้นแต่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการถ่ายอุจจาระ เชื่อไหมคะว่าถึงแม้ผู้ป่วยจะเข้ารับการผ่าตัดแล้วก็มีโอกาสจะกลับมาเป็นได้อีก น่าเสียดายจริงๆค่ะ พื้นที่บนหน้ากระดาษหมดแล้วฉบับหน้าจะนำผลการวิจัยของเพชรสังฆาตทั้งในและต่างประเทศมาเล่าให้ฟังค่ะ
จากคอลัมภ์ "พืชใกล้ตัว" โดย ภญ.ผกากรอง ขวัญข้าว
ของวารสาร "อภัยภูเบศรสาร" ปีที่ 3 ฉบับที่ 36 ประจำเดือน มิถุนายน 2549
สำหรับท่านที่ต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถฝากคำถามไว้ที่ Webboard (สอบถาม) หรือโทรสอบถามได้ที่ 01-9272862, 09-1583525 หรือ ฝาก e-mail address ของท่านตาม mail ที่อยู่ด้านล่าง